ทำความรู้จัก Career Path! เราควรวาง Career Path ในการทำงานไหมนะ ?

Career Path คือการวางเส้นทางความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เปรียบเสมือนถนนการทำงานที่พนักงานคนหนึ่งสะสมประสบการณ์และผลงานเพื่อไปถึงเป้าหมายต่าง ๆ ในเส้นทางนั้น ที่ไม่เพียงแต่เราต้องรู้ตั้งแต่ต้นว่าตอนนี้กำลังทำตำแหน่งอะไร อยากเติบโตไปในทางไหน เป้าหมายสูงสุดของการทำงานคืออะไร ? และที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถวางเส้นทาง Career Path ของตัวเองได้ เพราะหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้อนาคตของเราชัดเจนขนาดนั้น ด้วยปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบันหรือบางคนก็รู้สึกว่าอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน หากวางแผนไปก็สามารถผิดแผนได้ง่าย ๆ แต่เชื่อไหมว่าคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหลาย ๆ คนเลือกที่จะวางแผนและมองอนาคตของตัวเองไว้ก่อน เพราะต่อให้เจอความเปลี่ยนแปลงขนาดไหนก็ยังมีแผนสำรอง และมองเห็นเป้าหมายความสำเร็จในอนาคตของตัวเองอยู่เสมอ 

ทำไมเราถึงต้องมี Career Path ?

เรารู้กันอยู่แล้วว่า การกำหนดเป้าหมายความสำเร็จที่ชัดเจน จะช่วยผลักดันให้เราทำเป้าหมายนั้นสำเร็จ และอาจจะช่วยให้สำเร็จในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นด้วย เส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพก็เป็นเหมือนกับ Google Map ที่จะทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการทำงานได้ เมื่อเวลาที่เครียดหรืออ้อนล่าจากงานมาก ๆ พอเรากลับมานึกถึงเป้าหมาย ก็จะช่วยเป็นกำลังใจชั้นดีในการทำงานต่อ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเรารู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่ตรงกับเป้าหมายของเราเลย อาจเป็นเพราะเรากำลังเดินหลงทิศทาง ถ้ากลับตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ เปลี่ยนงานหรือย้ายบริษัท ก็ถือเป็นทางออกที่จะช่วยให้เรากลับมาสู่เส้นทางความก้าวหน้าและช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ

มาเริ่มต้นวางแผน Career Path ของตัวเองกัน

1.กำหนดเป้าหมายใหญ่ในชีวิต

           เพราะการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้เราต้องรู้ก่อนกว่า เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เราอยากเป็นคนแบบไหน อยากมีชีวิตแบบไหน เริ่มจากเราให้ความสำคัญกับเรื่องไหนในชีวิตมากที่สุด การงาน ครอบครัว สุขภาพ ความรัก อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากหน่อย หรือมีความสุขกับงานมากจนสามารถให้เวลากับงานได้มากกว่าส่วนอื่นในชีวิต


2.ปรับเป้าหมายการทำงานให้เข้ากับเป้าหมายในชีวิต

           พอเรารู้แล้วว่าเป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เราก็มาเริ่มตั้งเป้าหมายในการทำงานโดยที่ยึดเอาเป้าหมายใหญ่ในชีวิตเป็นตัวนำทาง เช่น อยากมีธุรกิจของตัวเอง หรือทำฟรีแลนซ์ เพราะชอบที่สามารถบริหารเวลาในชีวิต และกำหนดแบบแผนการทำงานได้เอง โดยที่ไม่ต้องคอยตอกบัตรเข้างาน หรือทำตามกฎระเบียบของบริษัท หรือชอบระบบระเบียบที่ถูกคิดไว้แล้ว และต้องการรายได้ที่แน่นอนในทุกเดือน เลยอยากเป็นพนักงานออฟฟิศ และไต่เต้าไปจนเป็นระดับผู้บริหาร เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า และยังสามารถลงลึกไปในรายละเอียดของการทำงานได้อีก เช่น สไตล์การทำงาน

           ถ้ารู้ตัวแล้วว่าอยากเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่ชอบที่จะเรียนรู้งานในทุกขั้นตอน และต้องการสังคมในออฟฟิศแบบเล็ก ๆ อบอุ่น คนไม่มาก ก็ต้องไปสมัครงานที่บริษัท Startup SME หรือขนาดเล็ก แต่ถ้าชอบการทำงานแบบรับผิดชอบเฉพาะตำแหน่ง มีความสุขกับการเป็น specialist ในสายงาน โดยที่ไม่สนใจงานส่วนอื่นเลย และยังชอบทำงานสเกลใหญ่ แนะนำให้ไปสมัครงานในบริษัทขนาดไหญ่ ที่มีการแบ่งงานอย่างชัดเจนตามตำแหน่ง และมีงานในระดับใหญ่รออยู่


3.สำรวจผังองค์กร และดูว่าตัวเองอยู่จุดไหน

           ถ้าเราได้คำตอบแล้วว่าอยากทำงานในบริษัทนี่แหละ ไม่ได้อยากไปเริ่มธุรกิจของตัวเอง เราก็มาศึกษาแผนผังขององค์กรของเราดูว่า มีตำแหน่งอะไรบ้าง และตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ตำแหน่งไหนในบริษัท แล้วเรามีแพสชันเพียงพอไหมสำหรับการผลักดันตัวเองไปให้ถึงตำแหน่งที่หวังไว้ มีเวลาและความอดทนพอไหมที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น ทักษะหรือคุณสมบัติอะไรที่ทำให้เขาได้รับตำแหน่งนั้น เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าจะต้องพัฒนาตรงไหนเพิ่มเพื่อที่เราจะไปถึงเป้าหมายถัดไป


4.หมั่นสำรวจตัวเองบ่อย ๆ 

           เมื่อเรามีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนแล้ว ระหว่างทำงาน ลองกลับมาเช็กตัวเองเป็นระยะ ว่าเรายังมีความสามารถและคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำงานออกมาได้ดีอยู่หรือไม่ เรายังต้องพัฒนาตรงไหนเพิ่มเติมหรือเปล่า ไปจนถึงคำถามที่ว่า เรายังมีความสุขกับการทำงานดีอยู่ไหม งานที่เราทำตอบโจทย์ชีวิตตอนนี้ของเราอยู่รึเปล่า หากตำแหน่งสูงขึ้นกว่านี้ ต้องรับผิดชอบมากขึ้นกว่านี้ เราอยากทำตำแหน่งนั้นไหม รวมถึงงานนี้ยังเป็นงานที่เราต้องการทำและตอบโจทย์ชีวิตของเราอยู่ไหม เราได้เติบโตไปในทิศทางที่เราคิดไว้อยู่หรือเปล่า


ทำความรู้จัก Career Path กันครบถ้วนแล้ว ลองเอาข้อมูลนี้ไปวางแผนเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานอาชีพกันดูนะ!